
โกดังฟางวิเชฐพัฒนา




ฟางอัดก้อน ถูกนำมาใช้เป็นอาหารเลี้ยงสัตว์
โดยเฉพาะช่วงหน้าแล้งที่หญ้าสดมักจะขาดแคลน
ฟางอัดก้อนจึงเป็นทางเลือกที่ดีเสมอ
- ราคาถูก
- ลดต้นทุนค่าอาหารสัตว์
- สามารถเก็บตุนให้มีคุณภาพดีได้นาน
นอกจากนี้ฟางยังถูกนำมาใช้สำหรับงานเกษตรอื่นๆ
- การใช้ฟางทำปุ๋ยหมักแบบไม่พลิกกอง
- การใช้ฟางเป็นวัสดุสำหรับการเพาะเห็ดฟาง
- การใช้ฟางเลี้ยงปลาน้ำจืด, ปลากินพืช
- การใช้ฟางเป็นวัสดุปกคลุมดินหลังการหว่านเมล็ดพันธุ์พืช
- การใช้ฟางเพื่อช่วยรักษาความชื้นของดิน
โกดังฟางวิเชฐพัฒนา Vichet's straw barn








ประเทศไทยมีพื้นที่เพาะปลูกข้าวในปี 2559 (ตั้งแต่ 1 พฤษภาคม 2559 จนถึง 15 กันยายน 2559) รอบที่ 1 ทั้งสิ้น 56.30 ล้านไร่
โดยเป็นพื้นที่ปลูกข้าวหอมมะลิมากที่สุด 28.33 ล้านไร่ รองลงมาคือ ข้าวเหนียว 14.87 ล้านไร่ ข้าวเจ้า 12.29 ล้านไร่ ข้าวหอมปทุม 1.53 ล้านไร่ และข้าวอื่นๆ (ข้าวสีและข้าวอินทรีย์) 6 หมื่นไร่
ทำให้มีเศษฟางที่เหลืออยู่ในแปลงภายหลังการเก็บเกี่ยวแล้วเป็นจำนวนมาก เศษฟางที่เหลืออยู่ในแปลงนี้ ต้องใช้เวลาในการย่อยสลายนาน เกษตรกรส่วนใหญ่จึงใช้วิธีการเผาฟาง เพื่อให้การเตรียมดินทำได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น
อย่างไรก็ดี การเผาฟางก่อให้เกิดปัญหามลภาวะพิษทางอากาศ ทำให้โลกร้อน ถึงแม้จะมีการส่งเสริมให้ใช้ฟางข้าวเป็นปุ๋ยในดิน แต่การย่อยสลายของฟางข้าวต้องใช้เวลามาก เกษตรกรไม่สามารถทำการเพาะปลูกครั้งที่ 2 ได้ทันต่อฤดูกาล แนวทางหนึ่งในการแก้ไขปัญหาการเผาฟาง คือการนำเอาเศษฟางไปเลี้ยงสัตว์ประเภท โค กระบือ แพะ ซึ่งการใช้ฟางเป็นอาหารสัตว์นี้มีต้นทุนที่ต่ำ และยังช่วยลดการเผาฟางของเกษตรกรลงได้
อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มรายได้ให้กับชาวนา ซึ่งผลจากการศึกษาข้อมูลพบว่า ชาวนาสามารถขายฟางข้าวให้กับผู้ประกอบการผลิตฟางอัดก้อน
เพื่อจำหน่ายได้อีกด้วย
การนำเครื่องอัดฟางเข้ามาใช้ เพื่ออัดและมัดฟางให้เป็นก้อน (ฟางอัดก้อนมีขนาดประมาณ 40x40x100 เซนติเมตร น้ำหนัก 15-20 กิโลกรัม)
ทำให้มีรูปทรงที่ง่ายต่อการบรรทุก-ขนย้าย และสะดวกต่อการจัดเก็บเข้าโกดัง
เอกสารของกองอาหารสัตว์ กรมปศุสัตว์ เรื่อง “แนวทางการเลี้ยงโคกระบือด้วยวัสดุเหลือใช้” พบว่า โคและกระบือมีความสามารถในการกินอาหารแห้งได้วันละ 7 กิโลกรัม จะเห็นว่า ประเทศไทยมีความต้องการอาหารโค กระบือ ประเภทหญ้าแห้งในปริมาณมาก ซึ่งเกษตรกรเจ้าของฟาร์มไม่สามารถที่จะผลิตอาหารได้เพียงพอ จึงมีความพยายามหาอาหารจากแหล่งอื่น โดยเฉพาะวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เช่น ยอดอ้อย เปลือกสับปะรด เปลือกข้าวโพด กากถั่วเหลือง และที่หาง่าย มีประมาณมาก และราคาถูก คือ ฟางข้าว ซึ่งสามารถหาได้ทั่วไปในประเทศไทย ในอดีตเกษตรกรมักจะใช้วิธีการเก็บฟางข้าว โดยการนำเอามากองรวมไว้ ซึ่งไม่สะดวกต่อการขนย้าย สิ้นเปลืองพื้นที่ในการเก็บ และยังยากต่อการเก็บรักษาให้ฟางข้าวมีคุณภาพดีอยู่เสมอ ต่อมาในปี พ.ศ. 2530 – 2531 ได้มีการนำเครื่องอัดหญ้าแห้ง (Baler) จากต่างประเทศมาใช้ในการอัดฟางแท่งจำหน่ายให้กับฟาร์มเลี้ยงวัว เครื่องอัดหญ้าแห้ง (ต่อไปจะเรียกว่า “เครื่องอัดฟาง” เนื่องจากมีการนำมาใช้อัดฟางข้าวกันอย่างแพร่หลาย) จากต่างประเทศมีลักษณะการใช้งานเป็นแบบอัตโนมัติ ใช้รถแทรกเตอร์เป็นต้นกำลังลากจูง สามารถป้อนฟางข้าวเข้าเครื่องและมัดฟ่อนข้าวได้อัตโนมัติ จึงทำงานขณะเคลื่อนที่ได้ โดยใช้ผู้ปฏิบัติงานเพียงคนเดียว อย่างไรก็ตามเครื่องอัดฟางจากต่างประเทศมีราคาสูงมาก ประมาณ 400,000 – 500,000 บาท เมื่อรวมกับรถแทรกเตอร์ที่เป็นต้นกำลัง ราคารวมจะเกินกว่า 1,000,000 บาทขึ้นไป ทำให้เกษตรกรรายย่อยไม่สามารถลงทุนได้



